เกาะสีชัง เกาะชื่อดังใน อำเภอเกาะสีชัง จ.ชลบุรี

เกาะสีชัง
เกาะสีชัง

เกาะสีชัง

              ประวัติของเกาะสีชัง  หรืออำเภอเกาะสีชัง จังหวัดชลบุรี  เป็นเกาะใหญ่กลางทะเลที่มีสถานะเป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดชลบุรี เกาะสีชังตั้งอยู่ห่างจากฝั่งศรีราชาไปประมาณ 12 กิโลเมตร  และเป็นสถานที่จอดพักเรือขนส่งสินค้านานาชาติ  อีกทั้งยังเป็นเกาะที่น่าท่องเที่ยว โดยให้ความรู้สึกแบบท้องถิ่น  นักท่องเที่ยวสามารถแวะมาท่องเที่ยวเกาะสีชังแบบไปกลับได้ในวันเดียว  หรือจะพักค้างคืนก็ได้  ซึ่งชาวบ้านที่อยู่บนเกาะสีชังได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมมาว่า  ที่พักบนเกาะสีชังแห่งนี้มราคาเริ่มต้นที่ 800 บาทขึ้นไป  ต่อให้เป็นช่วงเทศกาล หรือไม่ใช่ช่วงเทศกาล  ราคาที่พักก็จะไม่มีการปรับราคาขึ้นอย่างแน่นอน ชุมชนเกาะสีชัง ตั้งอยู่ทางด้านตะวันออกของเกาะ  เป็นที่ตั้งของท่าเรือเทววงศ์   และเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินด้วยรถสามล้อเครื่อง  หรือสกายแล็ปไปยังจุดต่าง ๆ ของเกาะสีชัง 

           เกาะสีชัง เป็นสถานตากอากาศที่มีชื่อเสียงมานานนับร้อยปี  ปัจจุบันเกาะสีชัง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติให้ความสนใจเดินทางไปท่องเที่ยวและพักผ่อนหย่อนใจกันอย่างแพร่หลาย นั่นเป็นเพราะว่าบรรยากาศสุดแสนจะโรแมนติก มีวิวสวยงามให้ได้ถ่ายรูปเล่นอีกด้วย และบนเกาะสีชังยังมีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ๆ อีกหลายแห่งหลายจุดกันเลยทีเดียวครับ

ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ บนเกาะสีชัง

           ตั้งอยู่บนเขาคยาศิระ  ห่างจากท่าเรือเทววงศ์ไปทางเหนือของเกาะ  เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวจีนทั้งในประเทศและต่างประเทศให้ความเคารพสักการะ  ศาลเจ้ามีลักษณะเป็นอาคารใหญ่ทรงวิหารจีน  รวมถึงภายในที่เป็นถ้ำได้ถูกดัดแปลงเป็นศาสนสถานที่ผสมผสานไปด้วสถาปัตยกรรมแบบจีนและไทย  เมื่อขึ้นไปบนศาลมองลงมาจากด้านบนจะสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์บ้านเรือนด้านหน้าเกาะได้อย่างชัดเจน  นอกจากที่นี่จะเป็นที่ประดิษยฐานของเจ้าของเขาใหญ่แล้ว   ยังเป็นที่ประดิษยฐานของเจ้าพ่อเฮ่งเจีย  เจ้าแม่กวนอิม  พระสังกัจจาย  โดยในช่วงตรุษจีนจะมีผู้คนเดินมาทางมาสักการะบวงสรวงอย่างเนืองแน่น ด้วยความเชื่อที่ว่าจะทำให้กิจการการค้าเจริญรุ่งเรือง อีกทั้งยังเชื่อว่าหากใครได้ไปกราบไหว้เจ้าพ่อเขาใหญ่ติดต่อกันเป็นเวลา 3 ปี จะได้โชคลาภอันวิเศษอีกด้วย

             เจ้าพ่อเขาใหญ่ มีลักษณะเป็นรูปทรงหินที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติเมื่อหลายหมื่นปีที่ผ่านมา ซึ่งจากจารึกภาษาจีนโบราณที่ นายอุ้งเซ็ง แซ่อึ้ง ภาษาแต้จิ๋ว หรือ นายยุ่นเซิ้ง เซิ้นหวง ภาษาจีนกลาง ชาวอำเภอบุงเชียง จังหวัดไหหลำ เกาะไหหลำ ประเทศจีน เป็นผู้จารึกเอาไว้บนไม้สักเก่าแก่เมื่อราว ค.ศ. 1883 หรือ ปี พ.ศ. 2426 รวมอายุประมาณ 133 ปี และได้มีการเก็บรักษาจารึกนี้ไว้ที่ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ เกาะสีชัง โดยซินแสสูงอายุท่านหนึ่งที่เดินทางมาทำหน้าที่เป็นเสมียนจีนในเทศกาลไหว้เจ้าได้แปลความหมายเอาไว้ว่า ขณะที่จอดเรือทอดสมออยู่หน้าเกาะได้เห็นแสงไฟอยู่บนเขาจึงได้ปีนขึ้นไปดู พบรูปหินย้อยลักษณะเหมือนศีรษะคนตรงตามตำราจีนว่าเป็นเจ้าพ่อที่เกิดขึ้นเองจากธรรมชาติ อยู่ในถ้ำกลางทะเลและหันหน้าไปทางทิศตะวันออกซึ่งมีน้ำอยู่ ข้างหน้าตามที่ชาวจีนโบราณเชื่อถือกันว่า เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มหัศจรรย์

          ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ โดยส่วนใหญ่ชาวจีนที่เดินเรือจะให้ความเคารพนับถือมาก เพราะทุกครั้งที่มีการเกิดอุบัติเหตุทางเรือ เรือรั่วน้ำเข้าเรือ ทุกคนก็จะบนบานกับเจ้าพ่อเขาใหญ่ให้ช่วยเพื่อมิให้เรือต้องอับปางกลางทะเล ปรากฏว่ามีแมงกะพรุนลอยมาปะที่รูรั่วทำให้น้ำหยุดไหลเข้าเรือทันที จนเมื่อเดินทางมาถึงเกาะสีชังก็จะนำเรือเข้าเกยตื้น จากนั้นก็จะทำการอุดรูรั่ว ด้วยความศักดิ์สิทธิ์นี้เองจึงทำให้เจ้าพ่อเขาใหญ่เป็นที่นับถือของผู้คนทั่วทุกสารทิศโดยเฉพาะคนจีนย่านเยาวราช ในทุกๆ ปีจะมีผู้คนเดินทางมาที่นี่เพื่อสักการะเป็นจำนวนมาก ซึ่งในแต่ละปีนั้นก็จะมีผู้ที่บนบานไว้นำลิเกมาเล่นถวายเป็นแรมเดือน เพราะสิ่งที่ได้บนบานเอาไว้เป็นไปได้จริงดังใจสมตามความปรารถนา

มณฑปรอยพระพุทธบาท/เกาะสีชัง  

          ตั้งอยู่สูงขึ้นไปบนยอดเขาคยาศิระ ซึ่งเป็นยอดเขาเดียวกันกับศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ โดยรัชกาลที่ 5 ทรงอัญเชิญมาประดิษฐานไว้บนยอดเขาไปสำหรับให้ผู้คนขึ้นมาชมและสักการะรอยพระพุทธบาท ซึ่งด้านบนของยอดเขานั้นยังเป็นจุดชมวิวทิวทัศน์ทะเลได้โดยรอบอีกด้วย

ช่องเขาขาด เกาะสีชัง

            ช่องเขาขาด ตั้งอยู่ด้านหลังของเกาะ หากนั่งเรือผ่านจะเห็นเป็นช่องเขา ในบริเวณมีสะพานสำหรับเดินชมทิวทัศน์ สามารถชมพระอาทิตย์ตกได้สวยงาม มีหาดหินกลม ซึ่งเต็มไปด้วยหินกลม ๆ ขนาดต่าง ๆ มากมาย ในอดีตเคยเป็นที่ตั้งพลับพลาที่ประทับชมทิวทัศน์ของรัชกาลที่ 5

           เป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวสุดฮิตบนเกาะสีชัง มีลักษณะเป็นช่องเขาที่ขาดออกจากกันสังเกตให้ได้จากการนั่งเรือผ่าน ตั้งอยู่ด้านหลังของเกาะ ในอดีตเคยเป็นที่ตั้งพลับพลาที่ประทับชมทิวทัศน์ในรัชกาลที่ 5 ซึ่งสามารถมองเห็นได้ทั้งเกาะ หน้าผา และทะเล อีกทั้งยังทรงใช้เป็นหอดูดาวอีกด้วย ในบริเวณเดียวกันจะมีสะพานปูนสีขาวทอดยาวไปตามหน้าผาลงไปถึงริมทะเลด้านล่าง สามารถลงไปเดินเล่นดื่มด่ำบรรยากาศสุดโรแมนติกได้ มีลมพัดเย็นสบาย นอกจากนั้นบริเวณนี้ยังมีแหลมวชิราวุธ หรือแหลมสลิดเป็นจุดชมวิวที่มีความสวยงาม ลักษณะคล้ายคลึงกับแหลมพรมเทพแต่มีขนาดเล็กกว่า เป็นอีกหนึ่งแหลมที่มีความสวยงาม ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวนิยมมาตกปลาที่นี่กันมาก เพราะบริเวณนี้เต็มไปด้วยโขดหินซึ่งเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของฝูงปลาหลายชนิด มีความสวยงาม อีกทั้งยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกดินในยามเย็นได้อีกด้วย ซึ่งในช่วงหน้าหนาวเราจะได้เห็นดวงอาทิตย์ตกน้ำที่มีดวงใหญ่โตเป็นพิเศษ